คงต้องยอมรับเลยว่าสถาณะการ ต่างๆในยุคนี้ต้องแข่งขันกับความเร็ว เนื่องด้วยเวลาที่มีน้อย เพื่อจะได้เอาเวลาไปทำงานหรือทำอย่างอื่น กินอาหารจานเดียว สั่งฟาสฟูส อะไรที่ลดเวลา แทนที่เราจะเสียเวลากับการกิน แต่ หลายๆท่านที่มีอาการดังนี้ ท่านอาจจะต้องลดการกินเร็วลงแบบกระทันหันเลยทีเดียวเชียว เพราะเป็นอันตรายร้ายแรงทำให้เรา ทรมานได้เลย
ผลเสียที่เกิดจาก “กินเร็วเกินไป”
- ท้องอืด ท้องเฟ้อ
สาเหตุหลักๆ ของอาการท้องอืดมักเกิดจากอาหารที่ทานเข้าไป แต่ก็รวมถึงพฤติกรรมในการกินอาหารของเราด้วย คนที่กินเร็วมักเลือกทานอาหารที่อิ่มง่าย อิ่มไว จึงมักเป็นอาหารที่เต็มไปด้วยแป้ง น้ำตาล เนื้อสัตว์ และไขมัน นอกจากนี้ยังเคี้ยวไม่ละเอียด ซึ่งทำให้ย่อยยาก อาหารไม่ย่อย นั่นเอง และเกิดเป็นอาการท้องอืดท้องเฟ้อได้ในภายหลัง
- อ้วน
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าคนที่กินเร็ว จะเสี่ยงอ้วนได้มากกว่าคนที่กินข้าวด้วยความเร็วปกติ หรือกินข้าวช้า หรือคนที่กำลังจะเข้าสู่ภาวะอ้วนมีนิสัยกินเร็ว เพราะส่วนใหญ่คนที่กินเร็วมักเป็นคนที่เคี้ยวไม่ค่อยละเอียด และกลืนลงท้องอย่างรวดเร็ว ไม่รอให้อาหารตกถึงกระเพาะอาหารก็รีบๆ ยัดลงท้องให้หมดๆ ไป จนบางครั้งเราอาจจะลงเอยด้วยการกินมากกว่าปกติ เพราะกินหมดแล้วยังไม่อิ่ม จึงสั่งอาหารเพิ่มเพื่อกินให้อิ่มมากขึ้น ลองทานช้าๆดูช่วยให้เราอิ่มได้ จริงๆนะครับ
- โรคเบาหวาน
เริ่มน่ากลัวขึ้นมาอีกนิดด้วยความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานที่ไม่มีใครอยากเป็น การกินเร็วโดยเคี้ยวอาหารไม่ละเอียดเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน คนที่กินเร็วจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานประเภท 2 มากกว่าคนที่กินด้วยความเร็วตามปกติถึง 2.5 เท่าเลยทีเดียว
- โรคกะเพาะอาหาร / กรดไหลย้อน
คนที่กินเร็วมักเคี้ยวไม่ละเอียด เมื่อชิ้นอาหารถูกลำเลียงไปที่กระเพาะอาหารด้วยชิ้นขนาดใหญ่เกินไป กระเพาะอาหารจึงหลั่งน้ำย่อยออกมาเพิ่มขึ้น และมีความเข้มข้นของกรดสูงขึ้น ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของโรคกะเพาะอาหาร และกรดไหลย้อนได้ในอนาคต นอกจากนี้หากปล่อยให้อาการหนักขึ้น อาจเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารได้อีกด้วย
- โรคอาหารเป็นพิษ
เรื่องเหลือเชื่ออีกเรื่องคือ 5-10% ของอาหารที่เป็นพิษสามารถบ่งบอกได้จากรูป รส และกลิ่นของอาหาร แต่คนที่กินเร็วจะรับรู้รส และกลิ่นของอาหารได้น้อยกว่าคนปกติ (เพราะรีบทาน) ดังนั้นเมื่อความสามารถในการรับรู้รูป รส และกลิ่นน้อยลง ก็อาจเสี่ยงต่ออาหารเป็นพิษมากขึ้นด้วย
เมื่อเราได้รู้ไปแล้ว ก็ลดความเร็วเพื่อเสียงการเป็นโรคที่กล่าวข้างต้น กันเถิด
ขอบคุณ
ข้อมูล : Sanook.com