หลายคนที่เคยมีอาการปวดท้อง บ่อยครั้ง หรือนานๆทีในบริเวณไหน ถ้ายังไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเราเป็นอะไรลองมาดูกันสักนิด เผื่อจะได้ฉุกคิดได้ว่า เอ๊ะเรานั้นไม่สบายแล้วนะ ควรไปปรึกษาแพทต์แล้ว อาการปวดท้องมีหลายแบบ แบบไหนที่ตรงกับเรามาดุกัน
- ชายโครงขวา เป็นจุดของตับและถุงน้ำดี หากกดแล้วเจอก้อนแข็งๆ ประกอบกับอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ก็จะหมายถึง ความบกพร่องเกี่ยวกับตับหรือถุงน้ำดี ปวดมาก แนะนำควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจอย่างละเอียด
- ใต้ลิ้นปี่ หรือกลางตัว บริเวณตรงซี่โครงซี่ล่างสุด (กลางตัว) หมายถึง กระเพาะอาหาร ตับอ่อน ตับและกระดูกลิ้นปี่
– หากปวดเป็นประจำเวลาหิวหรืออิ่ม อาจเกี่ยวกับโรคกระเพาะ
– หากปวดรุนแรงร่วมกับคลื่นไส้อาเจียน อาจเป็นอาการตับอ่อนอักเสบ
– หากคลำเจอก้อนเนื้อค่อนข้างแข็งและมีขนาดใหญ่ อาจเป็นอาการตับโต (ควรรีบปรึกษาแพทย์)
– คลำได้ก้อนสามเหลี่ยมแบนเล็กๆ อาจเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกลิ้นปี่ ควรปรึกษาแพทย์
- ปวดชายโครงขวา ซึ่งเป็นตำแหน่งของม้าม แนะนำปรึกษาแพทย์ทันที
- ปวดบั้นเอวขวา โดยมากจะพบกันบ่อยในผู้หญิง ตำแหน่งนี้คือ ท่อไต ไต ลำไส้ใหญ่
– อาการปวดมาก หมายถึง ลำไส้ใหญ่อักเสบ
– อาการปวดร้าวถึงต้นขา อาการเริ่มต้นของนิ่วในท่อไต
– อาการปวดร่วมกับปวดหลัง มีไข้ หนาวสั่น ปัสสาวะขุ่น เป็นอาการของกรวยไตอักเสบ
– หากคลำเจอก้อนเนื้อ แนะนำปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจอย่างละเอียด
- ปวดรอบสะดือ เป็นตำแหน่งลำไส้เล็ก มักพบในคนที่มักท้องเดิน
– หากกดแล้วปวดมาก คือ อาการของโรคไส้ติ่งอักเสบ
– แต่ถ้าปวดแบบมีลมในท้องด้วย อาจแค่กระเพาะลำไส้ทำงานผิดปกติ
- ปวดบั้นนเอวซ้าย เป็นตำแหน่ง ท่อไต ไต ลำไส้ใหญ่ (เหมือนข้อ 4)
- ปวดท้องน้อยขวา เป็นตำแหน่ง ไส้ติ่ง ท่อไตและปีกมดลูก
– หากปวดเกร็งเป็นระยะๆแล้วร้าวมาที่ต้นขา หมายถึง กรวยไตผิดปกติ
– ปวดเสียดตลอดเวลา กดแล้วเจ็บมาก เป็นอาการของไส้ติ่งอักเสบ
– ปวดร่วมกับมีไข้สูง หนาวสั่น มีตกขาว เป็นอาการปีกมดลูกอักเสบ
– คลำแล้วเจอก้อนเนื้อ เบื้องต้นอาจเป็นก้อนไส้ติ่งหรือรังไข่ผิดปกติ
- ปวดท้องน้อย เป็นตำแหน่ง กระเพาะปัสสาวะและมดลูก
– ปวดเวลาถ่ายปัสสาวะหรือถ่ายกระปริบกระปรอย เป็นอาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ (แต่เป็นกันน้อย)
– หากปวดเกร็งเวลามีประจำเดือน เป็นอาการของคุณกำลังมีประจำเดือน
- ปวดท้องน้อยซ้าย เป็นตำแหน่ง ปีกมดลูกและท่อไต
– ปวดเกร็งเป็นระยะและร้าวมาที่ต้นขา เป็นอาการโรคนิ่วในท่อไต
– ปวดร่วมกับมีไข้ หนาวสั่น ตกขาว เป็นอาการโรคมดลูกอักเสบ
– ปวดร่วมกับถ่ายอุจจาระผิดปกติ เป็นอาการโรคลำไส้ใหญ่อักเสบ
– คลำพบก้อนร่วมกับอาการท้องผูกเป็นประจำ เป็นอาการโรคเนื้องอกในลำไส้
สรุปการปวดท้องมีหลายอาการมากๆ แนะนำว่าควรไปพบแพทต์ดีกว่าอย่าปลอ่ยให้เรื้อรัง มิฉะนั้นอาจจะลามไปกันใหญ่โดยการแก้ไม่หายทีเดียวเชียว อาจจะหมดความสุขของชีวิตไปส่วนหนึ่งเลย ต้องคอยมาพะวง การรักษา ถือว่าเป็นการจำกัดกิจกรรมหลายๆประเภทของเราไปเลยทีเดียว
ขอบคุณ ความรู้จาก